การเลือกและพัฒนาสื่อการเรียนการสอน
คำว่าสื่อ (medium หรือ Media) ในที่นี้มีความหมายกว้างมาก การเรียนการสอนในบางครั้งอาจเกิดขึ้นจากเสียงของผู้สอน ตำราเทป วีดีทัศน์ ภาพยนตร์ และคอมพิวเตอร์ medium หรือ media มาจากภาษาละติน หมายถึง บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ตรงกลาง (intermediate หรือ middle) หรือเครื่องมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นวิธีการของการสื่อสารที่ส่งไปถึงประชาชนเป็นพาหะของการโฆษณา ( Guralninkjv07,1970) ดังนั้นเมื่อพิจารณาในด้านของการสื่อสารแล้วสื่อจึงหมายถึงสิ่งที่เป็นพาหะนำความรู้หรือสารสนเทศจากแหล่งกำเนิดไปสู่ผู้รับเช่นวิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ รูปภาพวัสดุฉาย สิ่งพิมพ์ และสิ่งดังกล่าวนี้เมื่อนำมาใช้ในการเรียนการสอนเรา เรียกว่า สื่อการเรียนการสอน
มีอยู่บ่อยครั้งที่ผู้ออกแบบจำกัดการเลือกซื้อของตนเอง เพราะว่าได้ตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้วเช่น การพิจารณานโยบายงบประมาณสิ่งที่จะกล่าวต่อไปไม่ได้เป็นเพียงสถานการณ์ในอุดมคติเท่านั้น การเลือกสื่อ ควรจะได้มีการกระทำหลังจากได้มีการวิเคราะห์เนื้อหาวิชาแล้วในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ออกแบบสามารถที่จะเลือกสื่อที่เหมาะสมเพื่อการสื่อสารเหตุการณ์ต่างๆในการเรียนการสอน
กลยุทธ์การสอนและการตัดสินใจเลือกสื่อเป็นความสัมพันธ์ระหว่างกันและควรจะทำไปพร้อมกันหลังจากที่ได้มีการพัฒนาจุดประสงค์ของการเรียนการสอนแล้วแบบจำลองในการเลือกสื่อมีทั้งแบบที่มีความเรียบง่ายและแบบที่มีความซับซ้อนโรเบิร์ต เมเจอร์ ( Robert Mager) (Knirk and Gustafson,1986 : 1969) ผู้ซึ่งเป็นนักออกแบบการสอนเพื่อการค้าที่จะประสบความสำเร็จ ได้กล่าวว่า กระดาษเป็นตัวกลางอย่างหนึ่งของการเลือก นอกจากว่าในกรณีที่ดีที่จะสามารถเลือกใช้สิ่งที่ทำมาจากอย่างอื่นวัสดุที่เป็นกระดาษมีราคาแพงในการออกแบบและผลิตง่ายที่จะผลิตเพิ่มใช้ง่ายและนักเรียนส่วนใหญ่มีความเข้าใจ สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่าง ของแบบจำลองง่ายๆสำหรับการเลือกสื่อส่วนใหญ่ ส่วนแบบจำลองที่ซับซ้อนเป็นวิธีการที่ส่วนใหญ่ควรจะหลีกเลี่ยงเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่อเปรียบเทียบกับหลักเกณฑ์ของทหารก็คืออย่าโง่เลยทำให้ดูง่ายๆเถอะ (KISS : Keep It Simple, stupid)
การนำเสนอสื่อการเรียนการสอนความเป็นการกระตุ้นทางการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพง่ายแก่การเข้าใจ สื่อที่ซับซ้อนมีแนวโน้มของการสิ้นเปลืองเวลาและค่าใช้จ่ายสูงและบ่อยครั้งที่สุดได้ว่ามีประสิทธิภาพและเชื่อถือไม่ได้ควรใช้สื่อการเรียนการสอนที่ถูกต้องที่สุดที่ทำให้ผู้เรียนบรรลุจุดประสงค์ตามเจตนารมณ์ภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผลอย่างไรก็ตามข้อความจำกัดคือการสื่อราคาย่อมเยาที่ผลิตไม่ดีทำให้การเรียนการสอนไม่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับการใช้สื่อที่ซับซ้อนดังกล่าวแล้วเช่นกัน
การเลือกและการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนเป็นเรื่องสำคัญอีกประการหนึ่งในกระบวนการออกแบบการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ นักออกแบบการเรียนการสอนต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการเลือกวิธีการ/สื่อ หรือเลือกวิธีการ เลือกวัสดุอุปกรณ์ ระบุประโยชน์ของวัสดุอุปกรณ์ทางการค้าริเริ่มและเฝ้าระวัง
กระบวนการผลิตสื่อ นักออกแบบอาจจะทำเพียงการวางแผนมโนทัศน์ สคริปและนานๆครั้งอาจจะผลิตวัสดุ (Solfware) สำหรับจำหน่ายความจำกัดสำหรับบทบาทของผู้ออกแบบในการตัดสินใจเกี่ยวกับวิธี/สื่อ จะหลากหลายไปตามสถานการณ์ และแม้ว่าจะมีวิธีการ หลายวิธี ในการจำแนกประเภทของสื่อ ก็ตาม ก็ยังไม่มีอนุกรมถฝภิธานสื่อ (taxonomy of media) ที่พัฒนาขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจ (Seels and Glasglow, 1990 : 179)ในบทนี้จึงเป็นการเสนอสื่อ 3 ประเภทคือ วิธีการ สื่อดั้งเดิม เทคโนโลยีใหม่ภายในแต่ละประเภทจะมีการเลือกและรูปแบบมากมาย เช่น กราฟฟิก และฟิล์มหรือโทรทัศน์เฉพาะกราฟิกก็มีหลายรูปแบบ ได้แก่ แผนภูมิ การ์ตูน และภาพประกอบการเลือกวิธีการ/สื่อ อยู่บนพื้นฐานของเกณฑ์จะมีความเหมาะสมสำหรับผู้เรียนสิ่งที่เรียนและข้อจำกัดคุณลักษณะของผู้เรียนจุดประสงค์ สถานการณ์การเรียนรู้ และข้อจำกัดนั้นต้องระบุขึ้นก่อนที่จะเลือกวิธีการและสื่อหลังจากนั้นที่ได้มีการระบุวิธีการ/สื่อแล้วผู้ออกแบบต้องแสวงหาสื่อจากดัชนีสื่อจากสื่อที่สร้างขึ้นเพื่อการค้าซึ่งสามารถที่จะนำมาใช้หรือนำมาปรับใช้ได้ถ้าสื่อเหล่านั้นไม่มีประโยชน์ก็ต้องผลิตสื่อขึ้นเอง
ผู้ออกแบบการเรียนการสอนต้องตัดสินใจว่าใครจะเป็นผู้ผลิตสื่อ ทีมในการผลิตควรจะประกอบด้วยใครบ้าง ผู้ออกแบบต้องริเริ่มเฝ้าระวังติดตามกระบวนการผลิต เป็นความรับผิดชอบของผู้ออกแบบที่จะต้องมีความแน่ใจในบูรณภาพของการออกแบบและคุณภาพของวัสดุอุปกรณ์ด้วยการเฝ้าระวังติดตามการผลิต
บทบาทของผู้ออกแบบ
ผู้ออกแบบมีหน้าที่หลายอย่างที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์ในระหว่างขั้นตอนการตัดสินใจในระยะนี้ผู้ออกแบบมีหน้าที่เป็นผู้ตัดสินใจเลือกวิธีการสื่อเช่นเดียวกับตำรวจที่มองเห็นว่าคำแนะนำในการออกแบบการเรียนการสอนนำไปใช้ได้ หรือเป็นเหมือนผู้จัดการผู้ซึ่งริเริ่ม และประเมินผลผลิต ในบทนี้จะเกี่ยวกับบทบาทของผู้ออกแบบที่มองเห็นการเลือกวิธีการสื่อที่มีประโยชน์เราจะเลือกสื่ออย่างไร จะรับวัสดุอุปกรณ์ทางการค้าอย่างไร และจะริเริ่มและต้นระหว่างกระบวนการผลิตอย่างไร
ผู้ออกแบบต้องจำกัดบทบาทในการทำหน้าที่ ต้องสามารถปฏิบัติให้แล้วเสร็จและมีประสิทธิภาพ ต้องรับรู้การกระทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตสื่อ ผู้ถ่ายภาพ หรือผู้วางโปรแกรมด้วย และเป็นการท้าทายสำหรับผู้ออกแบบในการที่จะพยายามทำให้ผู้อื่นเข้าใจได้ โดยลำพังตนเองแล้วไม่สามารถที่จะผลิตสื่อได้ทั้งหมดหรืออาจต้องการคำแนะนำเพิ่มจากผู้ร่วมงานในทีมมากกว่าที่จะทำคนเดียว ความรับผิดชอบที่จำเป็นคือ การตัดสินใจเลือกวิธีการสืบในขณะที่สมาชิกของทีมหรือผู้นำทีมเริ่มหรือแนะนำกระบวนการผลิต ผู้ออกแบบจะทำในสิ่งนี้ได้ดีถ้ารู้จักทำหน้าที่ในลักษณะของผู้วิจัย ผู้เขียนสคริป ผู้ถ่ายภาพ หรือผู้เรียบเรียง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าไม่เคยผลิตหรือไม่เคยช่วยเรียบเรียงแต่หมายความว่า รับรู้หน้าที่ในการให้คำแนะนำและจำกัดทักษะตัวอย่างเช่น มีการพัฒนาทักษะกระบวนการกลุ่มมากขึ้น และใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นกว่าทักษะด้านการถ่ายภาพ
ประเภทของสื่อ
ผู้ออกแบบสามารถที่จะเลือกชนิดของสื่อให้มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งและมีอิทธิพลต่อประสิทธิผลของการเรียนรู้ที่คาดหวังจะเกิดขึ้นได้ ถ้าผู้ออกแบบรับรู้ชนิดของสื่อที่มีอยู่ รวมทั้งข้อดีและข้อเสียด้วย ดังนั้น ผู้ออกแบบก็จะเป็นผู้ที่อยู่ในฐานะที่เป็นผู้ที่รู้จักเลือกชนิดของสื่อได้อย่างเหมาะสม เราสามารถจำแนกสื่อได้ 4 ประเภท คือ สื่อทางหู (Audio) สื่อทางตา (Visual) สื่อทางหู และทางตารวมกัน(audio-visual) และสัมผัส (tactile) ผู้ออกแบบสามารถเลือกสื่อที่เหมาะสมที่สุดจากประเภทของสื่อต่างๆ สำหรับภาระงานการเรียนการสอนที่มีความเฉพาะเจาะจงสื่อต่างๆทั้ง 4 ประเภทในตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง มีดังต่อไปนี้
ข้อดีและข้อเสียของสื่อบางประเภท
ในการเลือกสื่อที่มีความเหมาะสมที่สุดสำหรับพนักงานการเรียนรู้ที่มีความเฉพาะเจาะจงผู้ออกแบบจำเป็นต้องรู้ถึงความเป็นไปได้ในข้อดีและข้อเสียที่เกี่ยวข้องกับสื่อแต่ละประเภท ตารางที่ 6.1 จะแสดงให้เห็นถึงข้อดีและข้อเสียของตัวอย่างสื่อจัดประเภทของสื่อสำคัญ 4 ประเภทและ ตารางที่ 6.2 แสดงประเภทและคุณสมบัติของสื่อการเรียนการสอน
ตารางที่ 6.1 ข้อดีและข้อเสียของสื่อบางอย่าง
สื่อ
|
ข้อดี
|
ข้อเสีย
|
โสตวัสดุ
| ||
1. เทป
|
จูงใจ
ใช้กับกลุ่มใหญ่ได้
ใช้ได้ทั้งที่บ้านที่ทำงานและในชั้นเรียน
สามารถก๊อปปี้ได้
ง่ายในการเก็บรักษา
|
ก่อให้เกิดความเบื่อหน่าย
ไม่มีการให้ผลป้อนกลับในการเรียนการสอน ใช้เวลาในการกรอเทปกลับ
สามารถถูกทำลายฉีกขาดเสียหายได้
หน่วยที่จะกรอเทปกับอาจจะไม่ว่าง
|
2. คำแนะนำของผู้ฝึก
|
เผชิญหน้ากัน
ให้ผลป้อนกลับที่ดีกว่า
|
ไม่เห็นหน้ากัน
ต้องการทรัพยากรเพิ่มมากขึ้น
|
3. โทรทัศน์
|
ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง
เป็นระบบไปรษณีย์ที่สั้นๆ
|
สิ้นเปลือง
เครื่องมือพัง
|
ทัศนวัสดุ
| ||
1. ภาพพลิก(Flip Charts)
|
ราคาถูกเก็บ
สารสนเทศได้
เคลื่อนย้ายได้
เปลี่ยนสารสนเทศได้ เช่น การพิมพ์
นำเสนอบทเรียนได้
ไม่จำกัดว่าใช้กับคนคนเดียว
|
ครูจำเป็นต้องนำเสนอด้วยการเขียนที่สวยงาม
จำกัดขนาด
สารสนเทศมากเกินไป
กินเวลานานมาก
ยากที่จะแสดงทรรศนะ
|
2. สิ่งที่ครูแจก
|
ราคาถูก
เป็นการอ้างอิงที่ถาวร
ช่วยในการทบทวน จดจำ
ช่วยนักเรียนที่ไม่ได้เข้าเรียน
ให้การอ้างอิงที่ค้นคว้าได้ในห้องสมุด
นำไปสู่พัฒนาการก้าวต่อไปของนักเรียน
เป็นข้อแนะนำในการศึกษา
ทำให้นักเรียนมีส่วนร่วม
ใช้ได้กับนักเรียนทุกคน เช่น ภาษา ระยะทางและอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
สามารถสรุปให้เห็นภาพทั้งหมดได้
|
ราคาอาจแพง
กราฟิก 2 มิติ
นักเรียนอาจไม่ได้รับการบังคับให้อ่าน
ก่อให้เกิดการเรียนรู้แบบเฉื่อยชา สารสนเทศล้าสมัย
|
3. กระดานคำพื้นฐานและกระดานขาวตายตัว
|
ให้เห็นสารสนเทศที่ลอกได้
เห็นได้
ราคาถูก
ให้สีหลักรายได้
ยอมให้กลุ่มมีส่วนร่วมได้
ขั้นตอนมีเหตุมีผล
สามารถเปลี่ยนแปลงได้
|
จำกัดขนาดของปากกา
ทำให้เลอะเทอะ
ใช้เวลามากในการเขียน
บางคนเขียนไม่สวย
สองมิติ
สารสนเทศไม่สัมพันธ์กัน
สารสนเทศขาดตอนได้โดยไม่ได้ตั้งใจ
|
4. กระดานขาวและกระดานดำที่ตายตัว
|
ให้ข้อมูลที่กว้างขวาง
ยอมให้เก็บข้อมูลเชิงตรรกะได้
ยอมให้มีการเก็บสารสนเทศที่มีเหตุผล
ยอมให้เขียนสารสนเทศไว้ก่อนได้
ซ่อนและโยงความสัมพันธ์ของสารสนเทศได้
ผู้สอน/นักเรียนช่วยกันให้ความคิดสารสนเทศได้
|
ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
|
5. กระดานคำที่ใช้แม่เหล็กMegnetic or Felt Board
|
เครื่องย้ายแบบจำลองได้
สร้างสารสนเทศใหม่ได้
|
ไม่ใช่ของจริง
กำจัดกลุ่มผู้มีส่วนร่วม
|
6. การผสมผสานระหว่างกระดานตายตัวต่างๆ (Fexed Board to the above)
|
เครื่องย้ายแบบจำลองได้
สร้างสารสนเทศใหม่ได้
|
ต้องการผู้สอนที่มีทักษะ
จัดการจัดห้องเรียน
นักเรียนสามารถมองได้เพียงด้านเดียว
|
7. การสาธิต (Demonstration)
|
ประหยัดเวลาและการพูด
ง่ายในการเฝ้าดูมากกว่าการฟัง
เห็นของจริง
มาตรฐานการสาธิต
|
ต้องการผู้สอนที่มีทักษะ
นักเรียนไม่มีส่วนร่วม
นักเรียนอาจไม่รู้ว่าต้องสังเกตอะไร นักเรียนอาจมีความเข้าใจช้าหรือไม่เข้าใจเลย
|
8. สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction)
|
การเสริมแรงบ่อยครั้ง
ทำให้เกิดการเรียนรู้แบบว่องไว
นักเรียนประสบความสำเร็จ
มีปฏิสัมพันธ์กับสื่ออื่นๆ
ผิดพลาดน้อย
|
ถ้าปราศจากการออกแบบที่ดีก็จะก่อให้เกิดความเบื่อหน่าย
หนึ่งร้อยชั่วโมงที่ใช้ในการออกแบบผลิตงานได้เพียงหนึ่งชั่วโมง
เสียค่าใช้จ่ายสูง
ทักษะที่จะใช้คีย์บอร์ดนักเรียนต้องพัฒนาเอง
ไม่ได้เหมาะกับนักเรียนทุกคน
|
โสตทัศนะ
| ||
1. ฟิล์ม/วีดิโอ (Film/Video)
|
สามารถแสดงพัฒนาการของวิธีการหรือการปฏิบัติ
ผสมผสานทัศนะคำพูดและเสียงอื่นเข้าด้วยกัน
เปลี่ยนเวลาได้
สนุกสนาน
จูงใจ
|
นักเรียนไม่มีส่วนร่วม
แพง
โดยทั่วไปสร้างจากจุดประสงค์ของคนอื่น
|
สิ่งที่รับรู้ด้วยการสัมผัส (Tactile)
| ||
1. ตัวจำลองสถานการณ์ (Simulator)
|
อนุญาตสำหรับผู้มีทักษะของความเป็นจริง ใช้สำหรับการสาธิต
ประโยชน์คุ้มค่า
แก้ไขวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้อง
ยอมให้มีการวิเคราะห์
ยอมให้นักเรียนมีส่วนร่วม
ปลอดภัย
|
จำกัดโปรแกรม
ต้องการคนที่มีทักษะความสามารถสูง ต้องการการนิเทศอย่างใกล้ชิด
|
2. อินเตอร์แอคทิฟวีดิโอ/คอมพิวเตอร์ (Interactive Video/Computer)
|
เหมือนกับ CAI
แบบจำลองทัศนะ/การสาธิต
จูงใจ
|
ยากที่จะสร้างกิ่งก้านสาขา
กรอกลับช้า
|
3. อินเตอร์แอคทิฟดิซค (Interactive Vedio disc)
|
เหมือนกับคอมพิวเตอร์ช่วยสอน CAI
แบบจำลองทางทัศนะ/การสาธิต
คุณภาพในการแก้ปัญหาสูง
มีจำนวนมาก
|
ราคาสูง
ค่าบำรุงรักษาสูง
|
4. ดิจิตอล วีดิโอ เมคโนโลยี (Digital Vedio Technology: DVT)
|
การฝึกอบรม(สื่อผสม) (multimedia)
บันทึก/เล่น/ป้อนกลับ /บรรณาธิการให้การเคลื่อนไหวที่เป็นซีลเป็นจินตนาการของนักคอมพิวเตอร์
ผู้พัฒนาการเรียนการสอนควบคุมส่วนประกอบของสื่อผสมที่เป็นของรายวิชาให้ทันสมัย เก็บสะสมไว้ในคอมพิวเตอร์
วีดิโอ (Interactive Vedio)
ไม่จำกัดสาขา
วิดีโอ (V.D.O) ที่แสดงการเคลื่อนไหวยังคงเป็นตำราในการจินตนาการ
โสตกราฟิก ที่สะสมไว้ในดิจิตอล(Digital)
|
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับการออกแบบมีความซับซ้อน
ต้องการบุคลากรที่พัฒนาทักษะในหลายสาขา
|
5. ดีวีที (DVT) เป็นเครื่องหมายการค้า วีดิโอ (Video disc)
|
ใช้ไฟล์จาก Harddisk หรือ CD ROM
ซีดีรอมมีค่าใช้จ่ายในการผลิตถูกกว่า
|
ตารางที่ 6.1 ประเภทและคุณสมบัติของสื่อการเรียนการสอน
วัสดุอุปกรณ์
|
ข้อดี
|
ข้อเสีย
|
1. สิ่งพิมพ์ต่างๆ เช่น หนังสือตำราเรียน คู่มือฯลฯ
|
เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
สามารถอ่านได้ตามอัตราความสามารถของแต่ละบุคคล
เหมาะสำหรับอ้างอิงหรือทบทวน
เหมาะสำหรับการผลิตเป็นจำนวนมาก สะดวกในการแก้ไขปรับปรุงเนื้อหา
|
ถ้าจะให้ได้สิ่งพิมพ์คุณภาพที่ดีจำเป็นต้องใช้ต้นทุนในการผลิตสูง
บางครั้งต้องพิมพ์ใหม่เพื่อปรับปรุงข้อมูลที่ล้าสมัย
ผู้ไม่รู้หนังสือไม่สามารถอ่านเข้าใจได้
|
2. ของจริง ของตัวอย่าง
|
แสดงภาพได้ตามความเป็นจริง
เป็นลักษณะ 3 มิติ
สัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5
สามารถจับต้องและพิจารณารายละเอียดได้ ปกติ
เหมาะสำหรับการเสนอต่อกลุ่มย่อย
อาจเสียหายได้ง่าย
|
เก็บรักษาลำบาก
บางครั้งอาจจะลำบากในการจัดหา
ของบางสิ่งอาจมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะนำมาแสดง
บางครั้งของมันอาจมีราคาสูงเกินไป
|
3. ของจำลองหุ่นจำลองขนาดเท่า หรือขยาย ของจริง มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า( เช่น ลักษณะของอวัยวะภายในร่างกาย)
|
อยู่ในลักษณะ 3 มิติ
สามารถจับต้องและพิจารณารายละเอียดได้ ชำรุดเสียหายได้ง่าย
สามารถแสดงหน้าที่และลักษณะส่วนประกอบ
ช่วยในการเรียนรู้และการปฏิบัติทักษะชนิดต่างๆ
หุ่นบางอย่างสามารถผลิตได้ด้วยวัสดุท้องถิ่นที่หาได้ง่าย
|
ต้องอาศัยความชำนาญในการผลิต
ส่วนมากราคาจะแพง
ปกติเหมาะสำหรับการแสดงออกกลุ่มย่อย
ถ้าทำได้ไม่เหมือนของจริงทุกประการบางครั้งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
|
4 วัสดุกราฟิก เช่น แผน ภูมิแผนภาพ โปสเตอร์ ภาพถ่าย ภาพเขียน การ์ตูน
|
ช่วยแสดงลำดับขั้นตอนของเนื้อหา
สามารถจัดหาได้ง่ายจากสิ่งพิมพ์ต่างๆ
ผลิตได้ง่ายและสามารถผลิตได้จำนวนมาก
เก็บรักษาได้ง่ายด้วยวิธีผลึกภาพ
|
เหมาะสำหรับการเรียนในกลุ่มเล็ก
งานกราฟิกที่มีคุณภาพดีจำเป็นต้องใช้ช่างเทคนิคที่มีความชำนาญในการผลิต
การใช้ภาพบางประเภทเช่น ภาพตัดส่วน หรือการ์ตูน อาจไม่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความเข้าใจได้ดีขึ้น เพราะไม่สามารถสัมพันธ์กับของจริงได้
|
5. กระดาน ดำกระดานขาว
|
ต้นทุนในการผลิตต่ำ
สามารถเขียนรายงานกราฟฟิกได้หลากหลายชนิด
ช่วยในการสร้างความเข้าใจตามลำดับเรื่องราวของเนื้อหา
|
ผู้สอนต้องหันหลังให้กลุ่มผู้เรียนเมื่อเขียนกระดาน ทำให้ไม่สามารถควบคุมชั้นเรียนได้ดี
|
6. กระดานผ้าสำลีและกระดาษแผ่นแม่เหล็ก
|
สามารถนำมาใช้ได้อีก
วัสดุในการผลิตหาง่ายและสามารถผลิตได้เอง
ไม่เหมาะสำหรับผู้เรียนกลุ่มใหญ่
| |
7. การศึกษานอกสถานที่
|
ผู้เรียนสามารถสังเกตการณ์และมีส่วนร่วมได้ด้วยตนเอง
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนร่วมทำงานเป็นกลุ่มและสร้างสรรค์ความรับผิดชอบร่วมกัน
|
เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
จัดเฉพาะผู้เรียนกลุ่มย่อย
|
สื่อการสอนประเภทเครื่องฉาย
1. ประเภทเสนอภาพนิ่ง
| ||
1.1 เครื่องฉายภาพทึบแสง
|
สามารถขยายภาพถ่ายภาพเขียน วัสดุทึบแสง ให้เป็นภาพที่มองดูมีขนาดใหญ่ได้ เหมาะสำหรับผู้เรียนกลุ่มใหญ่
ช่วยลดภาระในการผลิตสไลด์และแผ่นโปร่งใส
|
ต้องใช้คลื่นในห้องที่มืดสนิทจึงจะเห็นภาพขยายได้ชัดเจน
เครื่องมือขนาดใหญ่ทำให้ขนย้ายลำบาก
|
1.2 แผ่นโปร่งใส
|
สามารถใช้ได้ในที่มีแสงสว่าง
เหมาะสำหรับผู้เรียนกลุ่มใหญ่ ผู้สอนหันหน้าเข้าหาผู้เรียนได้
ผู้สอนสามารถเตรียมแผงโปร่งใสไว้ใช้ล่วงหน้าหรือสามารถเขียนลงไปพร้อมทำการบรรยายเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ
|
ถ้าจะผลิตแผ่นโปร่งใสที่มีลักษณะพิเศษต้องลงทุนสูง
ผู้เรียนไม่มีบทบาทร่วมในการใช้อุปกรณ์
|
1.3 สไลด์
|
เหมาะสำหรับผู้เรียนกลุ่มใหญ่และกลุ่มเล็ก ผลิตค่อนข้างง่ายในทำสำเนาได้ง่ายเช่นกัน
สามารถเปลี่ยนสลับรูปในการสอนได้ตามต้องการ
|
ต้องฉายในห้องที่มีที่มืดพอสมควร
|
1.4 ฟิล์มสคิป
|
เหมาะสำหรับการเรียนรู้เป็นกลุ่มเล็กหรือรายบุคคลใช้ภาพกับเรื่องอื่นได้
ผลิตเองได้
สะดวกในการใช้และเก็บรักษา
|
ไม่สามารถตัดต่อสลับ
ชำรุดได้ง่าย
|
1.5 ไมโครฟิล์มไมโครฟิช
|
สะดวกในการเก็บรักษา
สามารถเก็บจำแนกประเภทได้ง่าย
เหมาะสำหรับการเก็บรักษาข้อมูลสิ่งพิมพ์เพราะมีขนาดเล็ก
|
ไม่สามารถอ่านข้อความได้ด้วยตาเปล่า
ต้องใช้เครื่องอ่านที่มีคุณภาพดี
เครื่องอ่านใช้อ่านคนเดียวมีราคาไม่สูงมากนัก
|
2. ประเภทเสนอภาพเคลื่อนไหว
| ||
2.1 ภาพยนตร์
|
เหมาะสำหรับการสอนกลุ่มใหญ่และกลุ่มย่อย ให้ภาพที่ดูแล้วเสมือนมีการเคลื่อนไหวของสิ่งของและให้เสียงประกอบซึ่งทั้งภาพและเสียงมีลักษณะใกล้เคียงความจริงมาก ภาพยนตร์เหมาะสำหรับการเรียนรายบุคคล เหมาะสำหรับให้ความรู้ แต่ผู้สอนจะต้องอธิบายบางสิ่งในภาพยนตร์ก่อนทำการฉายและเมื่อฉายจบแล้วควรมีการซักถามปัญหาหรืออภิปรายร่วมกับเพื่อสะดวก
|
ต้นทุนในการผลิตสูงมากและกรรมวิธีในการผลิตยุ่งยาก
หากผลิตฟิล์มจำนวนน้อยม้วนจะทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงกว่าเดิม
ต้องใช้ไฟฟ้ามากในการฉาย
ลำบากในการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์
ต้องฉายในที่มืด
|
2.2 โทรทัศน์วงจรปิด
|
สามารถใช้ได้กับผู้เรียนหรือผู้ชมไม่จำกัดจำนวนและสามารถถ่ายทอดไปได้ในระยะไกลไกล
ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้เรียน
เหมาะสำหรับใช้ในการจูงใจสร้างทัศนคติและเสนอปัญหาให้ผู้เรียนคิดหรือเสริมสร้างการอภิปรายร่วมกัน
ช่วยลดภาวะของผู้สอนคือแทนที่จะต้องบรรยายหลายครั้ง หรือหลายแห่งในหัวข้อเดียวกันต่อผู้เรียนหลายกลุ่มก็ใช้การถ่ายทอดไปยังที่ต่างๆได้ในเวลาเดียวกัน
|
การจัดรายการที่ดีต้องใช้ต้นทุนสูงมากและต้องใช้ช่างเทคนิคในการผลิตรายการ
ต้องใช้ไฟฟ้า
เป็นการสื่อสารทางเดียวที่ทำให้ผู้เรียนไม่สามารถถักข้อสงสัยได้ทันทีและผู้สอนไม่สามารถทราบการตอบสนองของผู้เรียนได้
รายการที่เสนอไม่ตรงตามตารางสอนหรือบทเรียน
|
2.3 โทรทัศน์วงจรปิด
|
สามารถใช้กับผู้เรียนกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ ใช้ถ่ายทอดเหตุการณ์หรือการสอนที่ผู้เรียนไม่สามารถรวมกันอยู่ในบริเวณที่เรียนที่ชมพร้อมกันได้
สามารถใช้ร่วมกับวีดีทัศน์ในการส่งภาพได้
|
รับภาพได้เฉพาะในบริเวณที่กำหนดไว้เท่านั้น
|
2.4 วีดีทัศน์
|
สามารถใช้กับผู้เรียนกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ สามารถฉายซ้ำเมื่อผู้เรียนไม่เข้าใจหรือผู้เรียนทบทวน
แสดงการเคลื่อนไหวของภาพประกอบเสียงที่ให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงของจริงมากมีขนาดเล็กมาก
|
ต้นทุนอุปกรณ์และการผลิตสูงต้องใช้ช่างเทคนิคในการผลิต
ตัวอักษรที่ปรากฏจอโทรทัศน์
ม้วนเทปเสื่อมสภาพได้ง่าย
|
สื่อการสอนประเภทเครื่องเสียง
| ||
1. วิทยุหรือรายบุคคล
|
สามารถใช้กับผู้เรียนกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่
ระยะกระจายเสียงกว้างและถ่ายทอดได้ในระยะไกลไกล
ลดภาระของผู้สอนหรือผู้บรรยายในการเดินทางไปสอนในที่ต่างๆ
ดึงดูดความสนใจได้ดี คลื่นวิทยุราคาถูกและสามารถใช้กับแบตเตอรี่ได้
สามารถใช้สิทธิ์กับสื่ออื่นเช่น สิ่งพิมพ์เพื่อประกอบการเรียนการสอน
|
ต้องใช้ห้องที่ทำขึ้นเฉพาะเพื่อทำการกระจายเสียง
ผู้ฟังหรือผู้เรียนต้องปรับตัวเข้าหารายการเนื่องจากผู้บรรยายไม่สามารถปรับตัวเข้าหาผู้ฟังได้
เป็นการสื่อสารทางเดียวที่ทำให้ผู้ฟังบรรยายไม่สามารถทราบปฏิกิริยาสนองกลับของผู้ฟัง
|
2 เทปบันทึกเสียง
|
สามารถใช้ได้โดยไม่จำกัดจำนวนผู้เรียน เหมาะสำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเองหรือกับกลุ่มย่อย
การเปิด/ปิด/เดินหน้า/ย้อนกลับสามารถทำได้โดยสะดวก
อุปกรณ์ราคาถูกและสามารถใช้กับแบตเตอรี่ได้
ใช้ได้หลายกรณีเช่น ใช้บันทึก
|
เสียงที่ไม่สามารถฟังได้ทั่วถึง เช่นการเต้นของหัวใจเป็นต้น
การบันทึกเสียงที่คุณภาพดีจำเป็นต้องใช้ห้องในอุปกรณ์ที่ดีมีคุณภาพสูง
ต้องระมัดระวังในการเก็บรักษา
|
3 แผ่นซีดี บันทึกเสียงในประเภทต่างๆ
|
ไม่มีการเผลอลบเสียงที่บันทึกไว้
เรียกค้นข้อมูลเสียงได้รวดเร็ว
มีอายุการใช้งานนาน
ขนาดเล็ก
|
ไม่สามารถบันทึกทับได้
เครื่องเล่นมีราคาสูงกว่าเครื่องเล่นเทปเสียง
ต้นทุนการผลิตสูงกว่าการบันทึกลงเทปเสียง
|
4. สื่อเชิงโต้ตอบ (Interactive Media)
4.1 ด้านวัสดุอุปกรณ์
| ||
4.1.1 คอมพิวเตอร์
|
ใช้งานได้หลายประเภท เช่นการคำนวณ จัดเก็บพื้นฐานข้อมูล การจัดหน้า สิ่งพิมพ์ ฯลฯ
ใช้แก้ปัญหาต่างๆที่ซับซ้อนได้ ข้อมูลตัวอักษรภาพนิ่งการเคลื่อนไหวและเสียง
มีการโต้ตอบกับผู้เรียนเพื่อให้ผลป้อนกลับด้วยความรวดเร็ว
สามารถบันทึกข้อมูลเก็บไว้ในหน่วยความจำของเครื่องหรือในวัสดุบันทึกอื่น เช่น การบันทึกและเทปแม่เหล็กได้
ใช้ร่วมกับโมเด็มเพื่อใช้ในอินเทอร์เน็ตเพื่อการสื่อสารข้อมูลกับฐานข้อมูลอื่นๆทั่วโลก
เครื่องกระเป๋าหิ้วขนาดเล็กเหมาะแก่การพกพาไปใช้ในที่ต่างๆได้
|
มีราคาสูงพอสมควร
ต้องมีการบำรุงรักษาตามระยะเวลา
ต้องใช้กับโปรแกรมซอฟต์แวร์ประเภทต่างๆจึงจะใช้งานได้
มีการเปลี่ยนแปลงด้านอุปกรณ์เช่นความเร็วในการทำงานของการ์ดประเภทต่างๆจนทำให้เครื่องที่มีอยู่ล้าสมัยได้รวดเร็ว
|
4.1.2 บทเรียนใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน CAI
|
ผู้เรียนสามารถมีการโต้ตอบกับบทเรียนได้ สามารถป้อนกลับแก่ผู้เรียนได้ในทันที
มีรูปแบบบทเรียนให้เลือกใช้มากมาย เช่นการสอนทบทวน เกมการจำลองเป็นต้น
เสนอบทเรียนได้ทั้งลักษณะตัวอักษรภาพและเสียง
ผู้เรียนสามารถทบทวนเนื้อหาบทเรียนและทำกิจกรรมได้ตามความสามารถของตนในลักษณะการศึกษารายบุคคล
|
ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการเรียนโปรแกรมบทเรียน
โปรแกรม Software บางประเภทมีราคาสูงพอสมควร
|
4.1.3 ซีดีรอม
|
สามารถบันทึกข้อมูลได้มากถึง 680เมกะไบต์
บันทึกข้อมูลได้ทั้งตัวอักษรภาพนิ่งภาพกราฟิกเคลื่อนไหวภาพวีดีทัศน์และเสียง
เรียกค้นข้อมูลได้รวดเร็วและถูกต้อง
มีอายุการใช้งานนานและยากแก่การบุกสลาย ขนาดเล็กกะทัดรัดเหมาะแก่การพกพา
|
ไม่สามารถบันทึกทับข้อมูลเดิมได้
ปกติแล้วผู้ใช้ไม่สามารถบันทึกข้อมูลเองได้ต้องมีการบันทึกมาจากโรงงานผู้ผลิต
ต้นทุนการผลิตสูงแต่ถ้าผลิตเป็นจำนวนมากจะลดต้นทุนได้มาก
ต้องใช้เล่นร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์
|
4.1.4 แผ่นวีดีทัศน์ (Vediodisc/Laserdisc)
|
บันทึกข้อมูลในลักษณะตัวอักษรภาพนิ่งภาพกราฟิกเคลื่อนไหว
แบ่งเป็นสองชนิดบันทึกข้อมูลได้ทั้งแบบหน้าละ 30 นาทีและ 1 ชั่วโมง
ดูภาพนิ่งได้ทีละภาคด้วยความคมชัดหรือจะดูภาพช้าหรือภาพเร็วก็ได้เช่นกัน
เล่นเดินหน้าหรือย้อนกลับได้ด้วยความรวดเร็ว
ค้นหาเนื้อเรื่องเป็นตอนหรือตามเวลาของการเล่นได้
|
มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 นิ้วจึงมีขนาดใหญ่ไม่เหมาะในการพกพา
ผู้ใช้ไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้เองต้องบันทึกมาจากโรงเรียนเท่านั้น
|
4.2 ด้านเทคนิควิธีการ
| ||
4.2.1 สื่อหลายมิติ(Hypermedia)
|
เสนอข้อมูลในลักษณะไม่เป็นเส้นตรงทำให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลในที่ต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
เนื้อหาบทเรียนที่มีทั้งภาพนิ่งภาพกราฟิกเคลื่อนไหว ภาพวีดีทัศน์และเสียงพูดเสียงดนตรี
ผู้เรียนสามารถโต้ตอบกับบทเรียนและได้รับผลป้อนกลับทันที
สะดวกการใช้
|
ต้องใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพสูงในการผลิตบทเรียน
อาศัยผู้เชี่ยวชาญในการสร้างบทเรียน
ต้องใช้รวมกับคอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพสูงพอควรจึงจะใช้ได้ดี
การผลิตบทเรียนลักษณะนี้ต้องอาศัยอุปกรณ์ร่วมหลายอย่างเช่น เครื่องเสียง กล้อง วีดิทัศน์ เครื่องเล่น แผ่นวีดีทัศน์ฯลฯ
|
4.2.2 แผ่นวีดีทัศน์เชิงโต้ตอบ (Interactive Vedio, Interactive Vediodisc)
|
ใช้ได้กับผู้เรียนกลุ่มใหญ่กลุ่มย่อยและการศึกษารายบุคคล
เสนอข้อมูลในลักษณะไม่เป็นเส้นตรง การนำเสนอเนื้อหามีทั้งภาพนิ่งภาพวีดีทัศน์และเสียง
ผู้เรียนสามารถโต้ตอบกับบทเรียนและได้รับผลป้อนกลับทันที
บันทึกผลการเรียนและการตอบสนองของผู้เรียนได้
|
ต้องใช้อุปกรณ์ร่วมในการทำงานหลายงาน
ต้องเลือกเนื้อหาในแผ่นวีดีทัศน์มาประกอบบทเรียนให้เหมาะสมซึ่งบางครั้งอาจไม่ได้เนื้อหาที่ตรงนัก
อุปกรณ์ต่างๆมีราคาสูงจึงทำให้การเรียนแบบนี้ไม่เป็นที่นิยมใช้กันมากนัก
|
4.2.3 อินเตอร์เน็ต
|
ค้นคว้าข้อมูลได้ทุกมุมโลกอย่างรวดเร็ว ติดตามข่าวสารความรู้และความเคลื่อนไหวต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
สนทนากับผู้ที่ห่างไกลได้ทั้งลักษณะข้อความและเสียง
ร่วมกลุ่มอภิปรายกับผู้ที่สนใจในเรื่องเดียวกันเพื่อขยายวิสัยทัศน์
|
ข้อมูลที่ได้อ่านไม่ถูกต้องเนื่องจากไม่มีผู้ใดรับรอง
ต้องมีการศึกษาการใช้งานเพื่อการสืบค้นข้อมูล
นักเรียนและเยาวชนอาจนำไปสู่ในเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม
|
4.2.4 ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
|
ช่วยจัดปัญหาในเรื่องของเวลาและระยะทางในการเรียน
ผู้เรียนไม่กล้าแสดงออกในชั้นเรียนจะได้รู้สึกอิสระในการแสดงความคิดเห็น
เสริมบรรยากาศในการเรียนรู้เพื่อเปิดโอกาสให้การถามข้อข้องใจเป็นการส่วนตัว ผู้เรียนสามารถติดต่อกันในการแบ่งปันข้อมูลและศึกษาร่วมกันได้การพิมพ์และเรียบเรียงเนื้อหาจึงจะทำให้การอภิปรายราบรื่น
|
เป็นการสื่อสารที่ผู้สื่อสารไม่สามารถแสดงกับความรู้สึกต่อกันได้ทำให้ขาดความเป็นธรรมชาติ
อาจเกิดความสับสนในการอภิปรายเนื่องจากการอภิปรายในเวลาที่ไม่ต่อเนื่องกัน
|
4.2.5 การสอนในเว็บเป็นฐานการสอนบทเว็บ
|
ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่ผู้เรียนรอบโลกทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง การเรียนด้วยการสื่อสารหลายรูปแบบทำให้ผู้เรียนรู้จากการสื่อสารทางสังคมทำให้มีการเรียนมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น
การเรียนด้วยสื่อหลายมิติทำให้เลือกเรียนเนื้อหาได้ตามสะดวกโดยไม่ต้องเรียงลำดับกัน
มีหลักสูตรให้เลือกเรียนมาก
มีการเรียนทั้งแบบประสานเวลาและแบบไม่ประสานเวลาของตนเองจึงจะประสบความสำเร็จในการเรียน
|
ผู้สอนและผู้เรียนอาจไม่พบหน้ากันเลยอาจทำให้ผู้เรียนบางคนอึดอัดไม่สะดวกในการเรียน
ผู้สอนจะต้องใช้เวลาในการเตรียมการสอนมาก
การตอบปัญหาในบางครั้งอาจจะไม่เกิดขึ้นในทันทีทำให้ผู้เรียนไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ได้
ผู้เรียนต้องรู้จักควบคุมการเรียนของตนเองจึงจะประสบความสําเร็จในการเรียนได้
|
การตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการ
การตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการและสื่อบางครั้งเกิดขึ้นพร้อมพร้อมกัน ในบางเวลาจะเลือกวิธีการก่อน และเลือกสื่อที่จำเป็นในการใช้ทีหลัง ดูแกน เลียด (Dugan laird:180) เปรียบเทียบวิธีการเป็นเหมือนทางหลวง (Highway) ที่จะนำไปสู่จุดหมายปลายทาง (จุดประสงค์) และสื่อ (วัสดุฝึก) เป็นสิ่งที่เพิ่มเติม (accessories)บนทางหลวง เช่น สัญญาณ แผนที่ ซึ่งจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น
วิธีการ เป็นกลยุทธ์การเรียนการสอนที่มีระดับความชี้เฉพาะมาก เป็นวิธีการเรียนการสอนที่ตัดสินธรรมชาติของบทเรียน จอยส์และวีล (Joyce and Weil,1980) เรียกสิ่งเหล่านี้ว่าแบบจำลองการสอน (Model of teaching) แบบจำลองเป็นวิธีการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ในระดับบทเรียนเมื่อป่วยที่เป็นระดับหน่วยในหลักสูตร
ออซูเบล(Ausubel,1968) กล่าวว่า มีความแตกต่างระหว่างวิธีการสำคัญ 2 วิธี คือ การเรียนรู้เพื่อค้นพบ (Diacovery leaning) รายการเรียนรู้เพื่อรับความคิด (Reception leaning)
1. การเรียนรู้เพื่อรับความคิดคือ การเรียนรู้จากการบรรยาย หรือการเรียนรู้จักโสตทัศนูปกรณ์ ซึ่งเสนอสารสนเทศ
2. การเรียนรู้เพื่อค้นพบคือ การสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนมีอิสระที่จะสำรวจ และไม่ได้กำหนดจุดหมายปลายทางของการเรียนรู้ไว้ล่วงหน้า การเรียนรู้เพื่อค้นพบมีองค์ประกอบทั้งการค้นพบและการรับรู้ที่มากไปกว่าการที่จะบอกแต่เพียงนักเรียนจะต้องเรียนอะไร นักเรียนจะได้รับคำแนะนำซึ่งจะนำไปสู่การค้นพบ ออซูเบลเชื่อว่าวิธีการจะกลายเป็นสิ่งที่มีความหมาย
ผู้แบบสามารถเลือกวิธีการ เช่น การบรรยาย การใช้ห้องปฏิบัติการ การอภิปราย การอ่าน
การทัศนศึกษา การจดบันทึก การสาธิต บทเรียนสําเร็จรูป กรณีศึกษาบทบาทสมมุติ การศึกษาด้วยตนเองและสถานการณ์จำลอง วิธีเหล่านี้มีรูปแบบให้เลือกมากมายการบรรยายอาจจะเป็นบทละคร เป็นการนำเสนอด้วยโสตทัศนูปกรณ์ การอภิปรายมีหลายรูปแบบ การสนทนาถกเถียงปัญหา การประชุมโต้ตอบกัน รายการระดมสมอง กรณีศึกษามีหลากหลายจากกรณีประวัติศาสตร์จนกระทั่งถึงการแก้ปัญหาและเช่นเดียวกับบทบาทสมมุติเป็นแบบหนึ่งของสถานการณ์จำลอง บทเรียนสำเร็จรูปต้องอาศัย คำตอบหรือการตอบสนองบ่อยๆ และให้ข้อมูลป้อนกลับอย่างทันทีทันใดและสามารถเสนอผ่านทางหนังสือ แบบฝึกหัด หรือคอมพิวเตอร์ แบบของโปรแกรมอาจจะเป็นเส้นตรง เส้นสาขา หรือบางกรณีเป็นคอมพิวเตอร์ แบบฝึกหัด ปฏิบัติแบบติว และแบบสถานการณ์จำลอง การสาธิตสามารถนำเสนอด้วยปฏิกิริยาสัมพันธ์และการอภิปรายการศึกษาด้วยตัวเอง ทำให้ด้วยการใช้ module ใช้ชุดของสื่อ
ใช้วิธีการติวด้วยอุปกรณ์โสต
อ้างอิง
ผศ.ดร.พิจิตรา ธงพานิช.วิชาการออกแบบและการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน.นครปฐม : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์, 2560.
สัปดาห์ที่ 12 powerpoint
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น